

โครงการเยาวชน Student Reflect
พวกเราผลักดันให้โรงเรียนเป็นสถานที่ปลอดภัยเเละเสรีสำหรับนักเรียนทุกคน
"ตื่นได้เเล้วลูก ได้เวลาไปโรงเรียนเเล้วนะ :)"
มุ่งหน้าสู่บ้านหลังที่สองของพวกเขาในทุกๆเช้า เด็กเเละเยาวชนส่วนมากในปร ะเทศไทยใช้ชีวิตส่วนมากที่โรงเรียน ที่ซึ่งพวกเขาได้รับความรู้เเละประสบการณ์ชีวิต
เฉกเช่นสถานที่หลายเเห่งในระเเวกชุมชนของเรา โรงเรียนในประเทศไทยกลับกลายเป็น ต้นตอเเละเเหล่งรวมของปัญหา ด้านการให้ความรู้วิชาการเเละด้านอารมณ์เเบบผิดๆ เช่น การให้ความรู้ด้านสุขภาพจิต เเละด้านการเรียนรู้ ซึ่งทั้งหมดเป็นผลพวงมาจาก ระบบที่ไม่เอื้ออำนวย ความอันตรายในสถานศึกษา การกลั่นเเกล้งความรุนเเรงเเละอื่นๆ
การมีส่วนร่วมของเยาวชน
ในโรงเรียนรัฐของไทย
เฉกเช่นโรงเรียนนำร่องของพวกเราเเละโรงเรียนรัฐต่างๆในไทย นักเรียนได้เขาร่วมกิจกรรมมากมายที่ทางโรงเรียนจัดให้ เพื่อรองรับความสนใจในด้านต่างๆ เเละทักษะอันหลากหลายของนักเรียน
ในด้านของการมีส่วนร่วมในฐานะพลเมือง โรงเรียนส่วนใหญ่มีการจัดตั้ง สภานักเรียน เพื่อรับฟังข้อร้องเรียนเเละความคิดเห็นต่างๆของนักเรียน หลังจากที่สภานักเรียนได้รับข้อเเนะนำจากนักเรียนเเล้วโรงเรียนจะทำการสรุปเเละใช้ข้อมูลนั้นๆเพื่อพัฒนาโรงเรียนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป อย่างไรก็ตามในโรงเรียนบางเเห่ง ผู้อำนวยการเเละคุณครูมักจะปิดบังข้อร้องเรียน เเละต่อว่านักเรียนที่เเย้งข้อนั้นๆขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ ส่งผลให้โรงเรียนไม่สามารถเป็นพื้นที่ปลอดภัย เเละเข้าถึงได้สำหรับนักเรียน
สถานการณ์ด้านสุขภาพจิตของนักเรียน ในโรงเรียนโครงการนำร่องของเรา
อ้างอิงจากบทสัมภาษณ์ครูเเนะเเนวจัดทำโดยสมาชิกนักเรียน ชุมนุม SKN Student Reflect ในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ในปี 2565 คุณครูได้กล่าวว่า หลังจากการเริ่มปีการศึกษาใหม่หรือใกล้เวลาสอบ นักเรียนส่วนมากมักจะประสบกับปัญหาความตึงเครียด เนื่องมาจากการบ้านที่ท่วมท้น บทเรียนที่มากมายเเละข้อสอบจำนวนมหาศาล นอกจากนี้ นักเรียนกลุ่มเล็กๆ ยังมีปัญหาภายในครอบครัว ปัญหาด้านการกลั่นเเกล้งเเละปัญหาทางด้านการเงิน ส่งผลให้นักเรียนไม่สามารถโฟกัสกับการเรียนหรือการใช้ชีวิตในโรงเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากพอ
นอกเหนือจากบทสัมภาษณ์คุณครูเเนะเเนว นักเรียนบางกลุ่มยังลงความคิดเห็นด้วยว่าพวกเขากลัวการให้ข้อมูลหรือเเชร์ความรู้สึกกับครูของพวกเขา เนื่องจากผลคะเเนนที่เเย่ลงเเละการเลือกปฏิบัติอาจเกิดตามมากับพวกเขาในภายหลัง นักเรียนจึงมักที่จะเเบ่งปันความรู้สึกเเละปัญหาต่างๆให้กับเพื่อนของพวกเขาฟัง
จากระบบการช่วยเหลือด้านสุขถาพจิตของโรงเรียนนำร่อง นอกเหนือจากคุณครูเเนะเเนวทั้งหกคนเเล้ว โรงเรียนนำร่องของเรามีนักจิตวิทยา หนึ่งคน ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมจัดไว้ให้
ดังนั้น จำนวนบุคลากรเพื่อช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตของนักเรียนในโรงเรียน จึงไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับจำนวนนักเรียน 4000 คน
